“ไหว้พระเสียวหนึ่งเดียวในไทย” สกายวอล์ค วัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

“ไหว้พระเสียวหนึ่งเดียวในไทย” สกายวอล์ค วัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

สกายวอล์ค (ไหว้พระแบบหวาดเสียวแห่งเดียวในไทย) แลนด์มาร์คแห่งใหม่ อ.แม่สรวย ชมวิวทิวทัศน์ อ.แม่สรวย ได้ 360 องศา รอบทิศทาง เดินบนกระจกวนไปมา 3 ชั้นบนความสูง 34 ฟุต

สมชื่อไหว้พระสุดเสียวหนึ่งเดียวในโลกชัวร์.. “ครูบาอริยชาติ” ใช้ฤกษ์วันวาเลนไทน์เปิดสกายวอล์กวัดแสงแก้วโพธิญาณ ให้คนขึ้นขอพรองค์พระ-ชมวิวทิวทัศน์ทั่วทั้งอำเภอแม่สรวย เผยแม้วันแห่งความรักไม่เกี่ยวกับพุทธศาสนา แต่ยึดโยงคุณธรรม “พระโพธิสัตว์” ที่รักทุกสรรพสัตว์แบบไม่มีเงื่อนไข

พระภาวนารัตนญาณ วิ. (ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต) เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

วันที่ 14 ก.พ. 66 พระภาวนารัตนญาณ วิ. (ครูบาอริยชาติ อริยจิตโต) เจ้าอาวาสวัดแสงแก้วโพธิญาณ ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เปิดลานกระจกหรือสกายวอล์ก “ไหว้พระสุดเสียวหนึ่งเดียวในโลก” ที่ก่อสร้างติดตั้งอยู่ด้านหน้าองค์พระศรีอริยเมตไตรยบรมโพธิญาณ ขนาดหน้าตักกว้าง 21 เมตร สูง 32 เมตร ฐานสูง 18 เมตร รวมฐานและองค์พระสูงประมาณ 50 เมตร

สกายวอล์กดังกล่าวแบ่งเป็น 2 ด้าน 3 ระดับ ชั้นบนสุดของแต่ละด้านสูงระดับเข่าขององค์พระ ซึ่งสามารถมองเห็นทิวทัศน์ทั่ววัดแสงแก้วโพธิญาณและพื้นที่ อ.แม่สรวย ซึ่งในการเปิดวันแรกในวันวาเลนไทน์ ผู้คนที่ไปร่วมพิธีพากันขึ้นไปชมกันอย่างคึกคัก แต่ทางวัดเปิดให้ขึ้นชมได้ครั้งละไม่เกิน 100 คน โดยมีการแจกดอกกุหลาบแสดงถึงความรักต่อกันและป้ายสกายวอล์กให้นำไปติดด้านบนเป็นปฐมฤกษ์ด้วย

“ไหว้พระเสียวหนึ่งเดียวในไทย” สกายวอล์ค วัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

ครูบาอริยชาติกล่าวว่า เนื่องจากวัดแสงแก้วโพธิญาณได้จัดสร้างพระศรีอริยเมตไตรยบรมโพธิญาณ ซึ่งค่อนข้างสูงมาก จึงได้จัดสร้างสกายวอล์กขึ้นมาเพิ่มเติม ให้เชื่อมไปยังองค์ครูบาศรีวิชัยที่อยู่ใกล้กัน เพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปสักการะได้โดยสะดวก

และได้เลือกวันเปิดสกายวอล์กเป็นวันแห่งความรักหรือวาเลนไทน์ แม้จะไม่เกี่ยวข้องกับทางพระพุทธศาสนา แต่ก็เกี่ยวข้องกับพระโพธิสัตว์ เพราะท่านจะมีคุณธรรมข้อแรกคือ ต้องมีความทุกข์เพื่อคนอื่นแม้ชีวิตก็ยกให้คนอื่นได้ จึงถือเป็นการให้ความรักที่มอบให้ผู้อื่นโดยไม่มีเงื่อนไข แต่ปรารถนาเพียงช่วยให้คนอื่นได้พ้นจากวัฏสงสาร

ดังนั้นสกายวอล์กแห่งนี้ก็จะเปิดโอกาสให้ผู้คนเข้าไปสักการะเพื่อขอพรพระ ซึ่งจะมีความแตกต่างจากสกายวอล์กที่อื่นที่ให้คนขึ้นไปชมวิวเพียงอย่างเดียว ส่วนในอนาคตสกายวอล์กแห่งนี้จะเป็นแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของ อ.แม่สรวย และ จ.เชียงราย ได้

ครูบาอริยชาติกล่าวอีกว่า สกายวอล์กแห่งนี้ยังมี 3 ระดับ โดยระดับแรกๆ ก็จะเปิดให้ผู้คนขึ้นไปทดลองเดินเพื่อทดสอบความกล้าของตัวเอง เมื่อคุ้นเคยแล้วก็เดินขึ้นไปกระทั่งถึงชั้นบนสุด ซึ่งจะสามารถมองได้ทั่วและมององค์พระได้สวยที่สุด แต่ก็จะสูงจนทำให้มีความเสียวจึงเป็นที่มาว่า “ไหว้พระเสียวหนึ่งเดียวในโลก”

“จุดประสงค์หลักคือให้ผู้คนได้ไหว้องค์พระ แต่ก็จะได้ของแถมคือได้ชมวิวทิวทัศน์ที่งดงามของวัด และ อ.แม่สรวย ด้วย ดังนั้น หากประชาชนและนักท่องเที่ยวที่มีโอกาสเดินทางไปเชียงราย ก็อย่าลืมไปแวะชมและขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยเฉพาะใครอยากสมหวังในความรัก เรื่องการงาน การเงิน ชีวิต ฯลฯ ก็สามารถขอพระโพธิสัตว์ ซึ่งให้โดยไม่มีข้อแม้เพื่อให้สมความปรารถนาได้”
ข่าว : https://mgronline.com/local/detail/9660000014458

ประวัติ วัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ

“ไหว้พระเสียวหนึ่งเดียวในไทย” สกายวอล์ค วัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

วัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ ตั้งอยู่บนดอย “ม่อนแสงแก้ว” ตั้งอยู่ที่เลขที่ 191 ม.11 บ้านป่าตึง ตำบลเจดีย์หลวง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ขนาดพื้นที่ประมาณ 29 ไร่เศษตั้งอยู่บนเนินดอยห่างจากหมู่บ้านประมาณ 1.5 กิโลเมตร มีทัศนียภาพที่สวยงามมองลงมาเห็นทั้งตัวอำเภอแม่สรวย และหลายตำบลของอำเภอแม่สรวย มีถนนลาดยางถึง 

วัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ เริ่มก่อสร้างเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ตรงกับเดือนแปดเป็งของล้านนา ซึ่งตรงกับวันวิสาขบูชา วันเพ็ญเดือนหก สร้างโดยท่านพระครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต คณะศรัทธาบ้านป่าตึง และศิษยานุศิษย์เมื่อครั้งที่ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ได้ย้ายจากวัดพระธาตุดงสีมา ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย มาจำพรรษา ณ ศาลามหาป่า ในใจกลางของหมู่บ้านป่าตึง โดยการรับนิมนต์ของ พ่อหลวงยา ศรีทา และคณะศรัทธาชาวบ้านป่าตึง  หมู่ที่ 11 ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย พ่อหลวงยา ศรีทาและคณะศรัทธาบ้านป่าตึง อยากจะมีวัดใหม่ที่สะดวกต่อการทำบุญของญาติโยม จึงได้นำเรื่องมาปรึกษากับท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ผู้ซึ่งเป็นพระนักคิดนักสร้าง เป็นผุ้อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม จรรโลงพระพุทธศาสนา เจริญรอยตามครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทยอยู่แล้ว จึงได้คิดสร้างวัดใหม่ขึ้นมาเพื่อเป็นพุทธสถาน เป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชน หลังจากนั้นท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโตได้ทำการสำรวจพื้นที่ ที่จะก่อสร้างวัด กับพ่อหลวงยา ศรีทา และคณะศรัทธาบ้านป่าตึง โดยใช้เวลานานหลายวันก็ยังไม่พบสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับเป็นพื้นที่ในการก่อ สร้างวัด แต่แล้วด้วยบุญญาบารมี ของท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต และความศรัทธาอย่างแรงกล้าของชาวบ้านที่จะสร้างวัด คืนหนึ่งขณะที่ท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต จำวัดอยู่ได้นิมิตรว่ามีที่ดินเป็นเนินไม่สูงมากนัก มีต้นไม้ร่มรื่นล้อมรอบไปด้วยไม้ไผ่ท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต พึงพอใจในสถานที่แห่ง นี้เป็นยิ่งนัก จึงได้เล่านิมิตที่ท่านพบมาให้กับพ่อหลวงยา ศรีทาและชาวบ้านฟัง คณะพ่อหลวงยา ศรีทาและชาวบ้านได้พาท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโตออกสำรวจพื้นที่โดยรอบของหมู่บ้าน จนมาถึงท้ายของหมู่บ้าน พบสวนของชาวบ้าน ท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต จึงได้สำรวจพื้นที่ โดยรอบสวนพบว่ามีลักษณะเป็นสวนและมีต้นไผ่ล้อมรอบคล้ายกับสถานที่ที่ท่านได้ นิมิตรพบในคืนที่ผ่านมา ท่านครูบาเดินออกสำรวจพื้นที่ด้วยความรวดเร็ว แล้วบอกกับคณะที่ติดตามท่านไป ในการสำรวจครั้งนั้นว่า ท่านพอใจในสถานที่แห่งนี้เป็นยิ่งนัก เหมาะสำหรับการก่อสร้างวัดเพื่อเป็นศาสนสถานในการเผยแพร่พระพุทธศาสนาและ เป็นแหล่งศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน และสถานที่แห่งนี้เป็นของใคร พ่อหลวงยา ศรีทาจึงได้บอกว่าเป็นสวนของผู้ที่มีฐานะดี คงจะไม่ยอมขายให้และถ้าหากขายก็คงจะต้องราคาแพง ความเป็นไปได้ที่จะได้ที่ดินเพื่อมาสร้างวัดคงจะไม่มีท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต จึงได้เดินไปจนถึงยอดเนินของสถานที่แห่งนั้น และได้จุดธูปเทียน พร้อมทั้งกรวดน้ำอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล และตั้งจิตอธิษฐานว่า “หากสถานที่แห่งนี้ แม้เป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นสถานที่อันเป็นมังคละคู่ยารมีท่านในการที่จะได้จรรโลงพระพุทธศาสนาต่อไป แล้ว ขอให้ได้ที่ดินผืนนี้มา”

“ไหว้พระเสียวหนึ่งเดียวในไทย” สกายวอล์ค วัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

เมื่อท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโตตั้งจิตอธิษฐานเสร็จแล้ว พ่อหลวงยา ศรีทา ได้เชิญเจ้าของที่ดินซึ่งเป็นผู้มีฐานะดีมาพบกับท่านครูบาเพื่อพูดคุยปรึกษา หารือในเรื่องการสร้างวัดบนของที่ดินผืนนี้ เจ้าของที่ดินได้ถวายที่ดินประมาณ 19 ไร่เศษให้กับท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโตเพื่อสร้างวัดอย่างง่ายดาย สร้างความประหลาดใจในสิ่งที่เกิดขึ้นกับคณะผู้ติดตามท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต เป็นอย่างมากหลังจากที่เจ้าของที่ดินได้ถวายที่ดินเพื่อสร้างวัด ท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโตได้ร่วมกับคณะศรัทธาปรับปรุงพื้นที่ พร้อมระบบสาธารณูปโภค เมื่อศิษยานุศิษย์ คณะศรัทธาและผู้ที่นับถือ ท่านครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต ทราบข่าวการสร้างวัด ได้แสดงความจำนงค์ในการร่วมสมทบทุน สร้างวัดเป็นจำนวนมาก

ปฐมเหตุการณ์สร้างวัดแสงแก้วโพธิญาณ เนื่องด้วยพ่อหลวงยา ศรีทา และชาวบ้านป่าตึงงาม (ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น หมู่บ้านใหม่แสงแก้ว) และคณะศรัทธา อยากจะมีวัดขึ้นในหมู่บ้าน เพื่อเป็นสถานที่ทำบุญ ยึดเหนี่ยวจิตใจ ของชาวบ้าน และพุทธศาสนิกชนทั่วไป จึงได้กราบอาราธนาพระครูบาอริยชาติ อริยจิตโตมาจาก วัดพระธาตุดงสีมา ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย มาสร้างวัดขึ้นในหมู่บ้าน ท่านพระครูบาตอบตกลง และเริ่มตามหาที่ดินที่เคยนิมิตเห็น เมื่อพบที่แล้ว กรวดน้ำอธิษฐานของสร้างบารมีในที่แห่งนี้ หลังจากนั้นอีกไม่นาน ก็มีเจ้าภาพนำที่ดินแห่งนั้นมาถวาย จำนวน 19 ไร่ จึงเริ่มวางศิลาฤกษ์ เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ตรงกับ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 เหนือ (แปดเป็ง) วันวิสาขบูชา ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ท่าครูบาฯ จึงได้เริ่มก่อสร้างศาสนสถาน และศาสนวัตถุต่างๆ โดยใช้ศิลปะแบบผสมผสานล้านนา พม่า ไต(ไทลื้อ) ซึ่งใช้ระยะเวลาอย่างรวดเร็วในการก่อสร้าง ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2554 และผูกพัทธสีมา ฝังลูกนิมิตในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556 (ขึ้น 13 ค่ำ เดือน 6 เหนือ) และพัฒนาวัดแสงแก้วโพธิญาณ ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน

ที่มาของชื่อ วัดแสงแก้วโพธิญาณ
แสงแก้วโพธิญาณ แปลว่า ดอกบัวที่ผุดโผล่ขึ้นพ้นน้ำ แล้วมีแสงสว่างเรืองรองเหมือนแสงแก้ว โดยพระครูบาอริยชาติ ท่านเกิดนิมิตว่า ฝนตกหนักมาก มองอะไรก็ไม่เห็น ครูบาก็เดินหลงไปหลงมาอยู่บนภูเขาสักพัก ก็ได้เห็นป่าทั้งป่าบนภูเขา มีดอกบัวบานเต็มไปหมด มีแสงสว่างไสวสวยงาม ครูบาจึงคิดชื่อได้จากเหตุนิมิัต ที่เห็นแสงเรืองรองเหมือนแสงแก้ว กลายเป็นดอกบัว อีกนัยหนึ่งคือ โพธิญาณ หมายถึง หยั่งรู้ เหมือนบัวที่ผุดโผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ แล้วเปล่งแสง คล้ายแสงแก้ว จึงได้ตั้งเชื่อว่า “วัดแสงแก้วโพธิญาณ”

พุทธศิลป์และงานสถาปัตยกรรมวัดแสงแก้วโพธิญาณ

พุทธศิลป์และศิลปะต่างๆ ที่อยู่ภายในวัดแสงแก้วโพธิญาณนั้นออกแบบสถาปัตยกรรม โดย พระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต วัดแสงแก้วโพธิญาณซึ่งผสมผสานระหว่าง โลกธรรม แสดงออกถึงความเชื่อและวัฒนธรรมของชาวพุทธในดินแดนล้านนาอย่างชัดเจน แล้วยังมีการผสานงานศิลป์ 3 รูปแบบไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืนคือ ศิลปะล้านนา ศิลปะไต (ไทยใหญ่) และศิลปะพม่า ซึ่งล้วนมีนัยที่สื่อความหมายในเชิงธรรมะและแฝงหลัก “พุทธธรรม” อันลึกซึ้งเอาไว้ แทบทุึกองค์ประกอบของวัด

ซึ่งการออกแบบวัดนี้พระครูบาอริยชาติ อริยจิตโต ท่านออกแบบเป็นชั้นๆ ชั้นแรกเมื่อเข้ามาจะเห็นรูปเหมือนแทนพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ คือ พระกกุสันธพุทธเจ้า พระโกนาคมนพุทธเจ้า พระกัสสปพุทธเจ้า พระโคตมพุทธเจ้า มีสิงห์คู่ตัวใหญ่ ซึ่งครูบาเปรียบเทียบเป็นปริศนาธรรม เหมือนพ่อกับแม่ของพระศรีอริยเมตไตรยมานั่งรอพระศรีอริยเมตไตรยมาตรัสรู้แล้วมาโปรดโลกในภายหน้าเหมือนคนเราทั้งหลาย นั่งรอผู้มีบุญ ผู้มีบารมี ผู้ที่จะเป็นโพธิสัตว์ ผู้ที่จะมาโปรดคนให้พ้นจากทุกข์ในวัฏสงสาร ระหว่างเดินขึ้นไป ชั้นสองตรงบันไดจะมีนาค 3 หัว และจะมีตัวกินนาคอีก 3 ตัว ซึ่งเป็นปริศนาธรรม หมายถึง กาลเวลาย่อมกลืนกินสรรพสัตว์ทั้งหลาย แล้วยังหมายถึงว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า ความตามครอบงำคนเราทั้งหมดส่วนนาค 3 หัว ก็หมายถึง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา และตัวกินนาค 3 ตัว หมายถึง ชรา พยาธิ มรณะ คือ เทวทูต 3 เพราะไม่สมถนะ ถ้าหากมีสมณะด้วยจะเป็น เทวทูต 4 แต่นี่ไม่รวมสมณะ ดังนั้นที่พระพุทธเจ้าเห็นจึงมี ชรา พยาธิ และมรณะ

เดินขึ้นมาถึงชั้นที่ 2 เป็นพุทธาวาสเป็นเขตของพระพุทธเจ้า เป็นที่ทำสังฆพิธีต่างๆ มีอุโบสถ วิหาร หอไตร มีปราสาท 16 หลัง แทนพรหม 16 ชั้น มีศาลา 16 ห้อง แทน 16 ชั้นฟ้า

ขึ้นมาถึงชั้นที่ 3 เป็นชั้นที่ตั้ง กุฏิ ของพระครูบาอริยชาติ และเป็นที่ตั้งขอพรจากท่านเทพทันใจ แม่นางกวัก แม่กระซิบ อีกทั้งยังเป็นที่ให้เช่าบูชา วัตถุมงคลต่างๆ ของทางวัด มีศาลาเอนกประสงค์ไว้สำหรับพักผ่อน กับบรรยากาศที่ร่มรื่น หอฉัน ห้องน้ำ ก็อยู่ในชั้นนี้ด้วย

ขึ้นต่อไปชั้นที่ 4 เป็นการจำลองเรื่องโลกและจักรวาลด้านหน้าของทางเ้ข้ามี เทพนพเคราะห์ 9 องค์ แทนด้วยวันทั้ง 9 มี อาทิตย์, จันทร์, อังคาร, พุธ, พฤหัสบดี, ศุกร์, เสาร์, ราหู, เกตุ, พระตรีมูรติแทนด้วย โลกทั้งสาม ก่อนเข้าวงเวียนเจอ ยักษ์หลับและยักษ์ตื่น แทนกลางคืนและกลางวัน อันนี้คือความหมายทางโลก แต่ถ้าเป็นความหมายทางธรรม จะหมายถึง พุธโธ คนเราทำอะไรให้มีสติ เช่น เวลาเราเจริญสติ จะมีพุทโธ ถ้ามีพุทอยู่ โธก็หาย ถ้าพุทหาย โธก็อยู่ คือให้เรามีสติอยู่ตลอดเวลา ตรงกลางแทนด้วยเขาสุเมรุ ข้างบนสุดบนเขาพระสุเมรุ ประดิษฐานพระศรีอริยเมตไตรย หมายถึง ผู้ที่มีบารมีเต็มเปี่ยม จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เหนือสิ่งอื่นใดในโลกมนุษย์ โลกสวรรค์ และโลกชั้นพรหมถัดจากพระศรีอริยเมตไตรยลงมา มีมหาเทพต่างๆ คือ พระพรหม พระนารายณ์ พระศิวะ พระอินทร์ ท้ายจตุโลกบาลทั้ง 4 เทพประจำทิศ

ทิพยาธรกินนร ยักษา ยักษี ฤาษี และสัตว์ป่าหิมพานต์ รอบๆ เข้าพระสุเมรุเป็นเทพ 12 ราศี แทนด้วย 12 นักษัตร รอบนอกเป็นสระน้ำพุแทนด้วย วัฏสงสาร หมายถึง การเวียนว่ายตายเกิด คนเราการจะข้ามพ้นวัฏสงสารได้ ต้องข้ามฝั่งมหาสมุทรก็คือ ห้วงวัฏสงสาร ถ้าพ้นก็จะถึงฝั่งคือ พระนิพพาน เขาพระสุเมรุมีน้ำ 3 สาย แทนห้วงน้ำพุทธมนต์แห่งพระรัตนตรัยผ่านโลกและจักรวาล ผ่านบารมี 3 ครูบา

สองข้างขนาบเขาพระสุเมรุ มีพระพิฆเนศเป็นตัวแทนเทวดาทั้ง 6 ชั้นฟ้า พระพรหมแทนด้วยสวรรค์ชั้นพรหม 16 ชั้นฟ้า และพรหมวิหารทั้ง 4 พระอวโลกิเตศวรกวนอิมปางพันมือ แทนพระโพธิสัตว์เจ้าทั้งหลาย และพระสีวลีแทนพระอรหันต์ทั้งหลาย

เมื่อพ้นจากเขาพระสุเมรุ ด้านหลังขึ้นบันไดไป เป็นรูปเหมือน ครูบาศรีวิชัย, ครูบาอภิชัยขาวปี, ครูบาชัยวงศาพัฒนา สามองค์นี้สื่อแทนพระรัตนตรียแต่สื่อออกมาเป็น พระอริยสงฆ์ เพราะว่าวัดนี้ใช้ชื่อว่า วัดแสงแก้วโพธิญาณ หมายถึง ผู้สร้างบารมี เปรียบพระครูบาศรีวิชัย เหมือนพระโพธิสัตว์ที่เกิดมาสร้างบารมี แล้วพระครูบา 3 ท่านนี้ ก็เปรียบเหมือนต้นแบบของนักบุญล้านนาที่นั่งอยู่ในใจคนล้านนามายาวนาน

บนอาคารครูบาศรีวิชัย ประกอบด้วยศาลา 2 หลัง คือ

1. ศาลาด้านเหนือ ศาลาบูรพาอาจารย์ หมายถึง คนเราจะมีศิลปะวิยาความรู้ ต้องมีครูบาอาจารย์ และต้องรู้คุณคนแห่งครูบาอาจารย์

2. ศาลาด้านใต้ ศาลาบูรพามหากษัตริย์ หมายถึง กว่าเราจะมีแผ่นดินอยู่อาศัยทุกวันนี้ เพราะพระปรีชาสามารถแห่งบูรพามหากษัตริย์ทั้งหลาย ควรสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ

ด้านใต้ฐานมีพระองค์ใหญ่ 3 องค์ คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์โต แทนครูบาอาจารย์ภาคกลางหลวงปู่ทวด แทนครูบาอาจารย์ภาคใต้ หลวงปู่มั่น แทนครูบาอาจารย์ภาคอีสาน ด้านหลังพระครูบาศรีวิชัย มีพระพุทธรูปทรงเครื่องขนาดใหญ่ หน้าตักกว้าง 25 เมตร สูง 32 เมตร แทนด้วยพระนิพพานคือจุดหมายอันสูงสุดของพระพุทธศาสนา ก่อนขึ้นอาคาร ทั้งซ้ายและขวา มีมณฆป อยู่กลางสระน้ำ ซึ่งเป็นมณฆป เศรษฐีนวโกฏิ หมายถึง คนที่จะเป็นเศรษฐีต้องเป็นผู้เสียสละ ต้องรู้จักให้และอีกมณฆปคือ มณฆปพระอุปคุตขี่เต่า เปรียบเหมือนผู้รักษาศาสสถานให้เกิดความร่มเย็น

ข้อมูลติดต่อ หลวงพี่อั้ม พระเลขาครูบาอริยชาติ โทร. 089-262-4973
ติดต่อกับทางวัด,บูชาวัตถุมงคล โทร. 085-614-3764 , 081-034-4309 แฟ็กซ์ 053-163-302
ข้อมูล/ภาพ (2559) : http://www.chiangraifocus.net/travel/show_travel.php?id=98&travel=11

ประวัติ “ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต” พระนักบุญแห่งแดนล้านนา

ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต “พระนักบุญแห่งแดนล้านนา” วัดแสงแก้วโพธิญาณ อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

ครูบาถือกำเนิดเมื่อวันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2524 ที่บ้านปิงน้อย อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เป็นบุตรของ โยมพ่อสุข โยมแม่จำนง อุ่นต๊ะ มีพี่น้องร่วมบิดามารดาด้วยกัน 3 คน เป็นผู้ชายทั้งหมดคือ 1. นายนิเวศน์ อุ่นต๊ะ 2. นายนิรันดร์ อุ่นต๊ะ และ 3. ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต

“ครูบาอริยชาติ” ท่านเป็นผู้อนุรักษ์โบราณวัตถุทางพระพุทธศาสนาให้ยั่งยืนสืบต่อดังที่ครูบาอาจารย์ทั้งหลายได้กระทำสืบต่อกันมา ท่านจึงได้บูรณะพระธาตุเจดีย์ โดยเฉพาะพระธาตุปางบวกแก้ว ตำบลแม่พริก อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นพระธาตุที่มีความศักดิ์สิทธิ์และเก่าแก่อย่างมาก ซึ่งท่านได้บูรณะใหม่โบกฉาบเรียบร้อยทาสีขาว หุ้มทองจังโก้ปิดทองคำเปลวจนถึงคอระฆังเปลี่ยนยอดฉัตรใหม่ใช้เวลาเพียงหนึ่งเดือนเศษก็บูรณะก็สำเร็จลุล่วง

นอกจากนี้ท่านยังได้ส่งเสริมทางด้านการศึกษา โดยให้ทุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน เพื่อช่วยเหลือสร้างสรรค์การศึกษาแก่เด็กที่เรียนดีแต่ขาดทุนทรัพย์

ปัจจุบัน “ครูบาอริยชาติ” ได้มาสร้างวัดแห่งใหม่ ชื่อว่า “วัดพระธาตุแสงแก้วโพธิญาณ” บนพื้นที่เนินเขาบ้านป่าตึง ตำบลเจดีย์หลวง อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย  โดยเริ่มวางศิลาฤกษ์และเริ่มก่อสร้างเมื่อวีนที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2549 ตรงกับเดือนแปดเป็งของล้านนา ซึ่งตรวกับวันวิสาขบูชา วันเพ็ญเดือนหก

สำหรับ “ครูบาอริยชาติ” ท่านได้ชื่อว่านักบุญแห่งแดนล้านนา เพราะท่านมีความเชื่อในศาสนาล้านนา ถ้าดูความเชื่อของคนล้านนาแล้วก็จะเห็นว่า มีความเชื่อเหมือนทิเบต เหมือนภูฏานมีความเชื่อแบบนั้น ครูบาดูแล้วล้านนาจะออกกึ่งมหายาน คือเชื่อการกลับชาติมาเกิด การระลึกชาติได้ ความเป็นผู้มีบุญ

“ครูบาอริยชาติ” มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ในเหตุที่ท่านอยู่กรรม เข้านิโรธสมาบัติเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน การเข้านิโรธสมาบัตินี้ ตามคัมภีร์ของพุทธศาสนาฝ่ายล้านนา เชื่อว่า พระอริยบุคคลระดับพระอนาคามีขึ้นไปเท่านั้นที่ทำได้ เพราะถ้าเข้านิโรธเต็มกำลัง ไม่ฉัน ไม่ถ่าย ไม่พูด ไม่จา นั่งภาวนาตลอดเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน เหนือเวทนาทั่วไปที่มีมนุษย์ธรรมดาจะทำได้ แต่สำหรับ “ครูบาอริยชาติ” ท่านเรียกการเข้านิโรธของท่านว่า “การอยู่กรรม” ซึ่งจะกระทำในวันเข้าพรรษา  ซึ่งท่านจะอยู่กรรมทุกปี โดยมีชาวบ้านและพระสงฆ์จากวัดต่างๆ ผลัดเปลี่ยนกันเฝ้าดูแล ด้านนอกกระโจม และรอที่ที่จะใส่บาตรครูบาในวันที่ออกจากนิโรธ

ข้อมูลทั้งหมดเพิ่มเติม : ประวัติ “ครูบาอริยชาติ อริยจิตฺโต” พระนักบุญแห่งแดนล้านนา
https://www.ejan.co/general-news/5sbgwxbhvs

ข้อมูลติดต่อ : วัดแสงแก้วโพธิญาณ ต.เจดีย์หลวง อ.แม่สรวย จ.เชียงราย
โทร. 099 954 5454
watsangkaew@hotmail.com
FB: วัดแสงแก้วโพธิญาณ《宝光菩提禅寺庙》
พิกัด : https://goo.gl/maps/H7tuUtzjHhkh2VEq5

เรื่องที่เกี่ยวข้อง
6-8 ธ.ค.67 | งานชิมชาวาวี “Charming of Wawee 2024” งานเสน่ห์วาวี แหล่งชาดี ถิ่นกาแฟดัง
มหกรรมวัฒนธรรมชาติพันธุ์ตำบลท่าก๊อ (28-29 ธันวาคม 2567)
เริ่มพรุ่งนี้ | “Charming of Wawee 2024” งานเสน่ห์วาวี แหล่งชาดี ถิ่นกาแฟดัง (วันที่ 15-17 พ.ย.2567) สายคนรักชาและกาแฟ ที่ต้องห้ามพลาด!
ค่าบริการ “ล่องแพเปียก เขื่อนแม่สรวย” | วันนี้ – พ.ค.67
ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงราย ยกระดับมาตรฐานการให้บริการและความปลอดภัยท่องเที่ยวทางน้ำลำน้ำแม่สรวย
5 จุดเช็คอิน สกายวอล์คเชียงราย แลนด์มาร์คชมวิวมุมสูงที่ห้ามพลาด!