กลุ่มดอกงิ้วคำ-ทุนจีนผู้รับสัมปทานพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ ริมฝั่งโขง ชง สปป.ลาวไฟเขียวสร้างสะพานสามเหลี่ยมทองคำเชื่อม 3 ชาติ ทั้งลาว-พม่า-ไทย ระบุพร้อมลงทุนเองหมดเบ็ดเสร็จเกือบ 70 ล้านดอลลาร์
กระทรวงแผนการและการลงทุน ห้องการส่งเสริมและคุ้มครองเขตเศรษฐกิจพิเศษ คณะคุ้มครองเขตเศรษฐกิจพิเศษ แขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว ได้ส่งหนังสือถึงเจ้าแขวงบ่อแก้ว สปป.ลาว หัวเมืองชายแดนริมแม่น้ำโขง ตรงข้ามเชียงราย เมื่อต้นเดือนกันยายน 66 ที่ผ่านมา เสนอให้สร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงเชื่อมสามเหลี่ยมทองคำ 3 ประเทศ ระหว่างเขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำ เมืองต้นผึ้ง แขวงบ่อแก้ว กับ จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา และ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย
โดยทางกลุ่มบริษัทดอกงิ้วคำ จำกัด ที่ได้รับสัมปทานจากรัฐบาล สปป.ลาว เข้าไปพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษฯ ได้ศึกษาความเป็นไปได้-ออกแบบสะพานไว้แล้วและพร้อมจะลงทุนก่อสร้างเอง
ทางกระทรวงแผนการและการลงทุน ห้องการส่งเสริมและคุ้มครองเขตเศรษฐกิจพิเศษ คณะคุ้มครองเขตเศรษฐกิจพิเศษ แขวงบ่อแก้ว ได้ให้สาเหตุการเสนอสร้างสะพานเชื่อม 3 ประเทศดังกล่าวว่าสามเหลี่ยมทองคำมีนักท่องเที่ยวปีละหลายแสนคน
นอกจากนี้ เขตเศรษฐกิจพิเศษสามเหลี่ยมทองคำยังมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมีพลเมืองภายในและต่างประเทศอยู่รวมกันประมาณ 60,000 คน และมีแนวโน้มจะมีเพิ่มมากขึ้น ขณะที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) รายงานว่าตั้งแต่เดือน พ.ค. 2565-มิ.ย. 2566 มีคนเข้าออก 85 สัญชาติ 278,231 คน และมีคนเดินทางผ่านด่านท้องถิ่นต้นผึ้งวันละกว่า 100-200 คน ส่วนวันหยุดจะมีมากถึง 200-300 คน ส่วนทางด้านที่ติดกับประเทศเมียนมามีการเดินทางไปมาอย่างต่อเนื่องเพราะมีคนเข้าไปทำงานในเขตเศรษฐกิจพิเศษเป็นจำนวนมาก ตามข้อมูลถึงเดือน ก.ค. 2566 มีถึง 20,890 คน
ขณะที่เมืองต้นผึ้งมีด่านท้องถิ่นต้นผึ้งและ อ.เชียงแสน บ้านมอมและบ้านปุ๋ง จ.ท่าขี้เหล็ก และจุดผ่านแดนถาวรสามเหลี่ยมทองคำกับ อ.เชียงแสน รวม 3 ช่องทาง แต่ทุกช่องทางต้องใช้เรือในการคมนาคมทำให้สิ้นเปลืองเวลา-ค่าใช้จ่าย โดยเฉพาะเมื่อต้องขนส่งสินค้าและเดินทางเข้าออก
ดังนั้น กลุ่มดอกงิ้วคำ จำกัด และคณะคุ้มครองเขตฯ ได้ประชุมหารือกับส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว จึงเสนอให้สร้างสะพานมิตรภาพ 3 ประเทศ เพื่อประโยชน์หลายด้านทั้งการคมนาคม การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ฯลฯ
สำหรับรูปแบบสะพานที่ออกแบบไว้เป็นโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก ยาวจากฝั่ง สปป.ลาว-ไทย ระยะทาง 1,520 เมตร และเชื่อมต่อไปยังฝั่งประเทศเมียนมาโดยแยกตรงกลางสะพานระยะทางอีก 500 เมตร รวมความยาวทั้งหมด 2,520 เมตร เฉพาะตัวสะพานจะยาว 460 เมตร มีเสาหลักกลางน้ำ 4 เสาและยังมีเสาเชื่อมบนบก-ในน้ำอีกจำนวนหนึ่ง
บนสะพานและโครงสร้าง เป็นถนน 4 ช่องจราจร กว้าง 20.50 เมตร ให้เดินรถแบบทางเดียวทางละ 2 ช่องจราจร และมีทางเดินเท้าหรือฟุตปาธฝั่งละ 2.5-3 เมตร เกาะกลางกว้าง 0.50 เมตร ซึ่งผู้คนสามารถเดินเที่ยวชมบนสะพานได้ ทั้งนี้จะมีสัญลักษณ์คือมีเสาเอกอยู่กลางสะพานเป็นรูปพระธาตุสามเหลี่ยมคล้ายมือพนมสีทอง สูง 96 เมตร กว้าง 28.50 เมตร สื่อความหมายถึงความกลมเกลียวกันด้นวัฒนธรรมและพระพุทธศาสนา ใต้สะพานจะสูงสามารถแล่นเรือสินค้าลอดผ่านได้
ทั้งนี้ ได้ประเมินค่าก่อสร้างไว้ที่ 68.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เฉพาะตัวสะพานกลางแม่น้ำต้องใช้งบประมาณถึง 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งภาคเอกชนยินดีจะลงทุนให้เอง
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากทางเจ้าแขวงบ่อแก้วได้รับเรื่องแล้วเห็นว่าเป็นโครงการขนาดใหญ่ เกี่ยวข้องกับงานด้านต่างประเทศและชายแดน จึงได้นำเสนอเรื่องต่อนายกรัฐมนตรี สปป.ลาว เพื่อพิจารณาแล้ว โดยได้มีความเห็นสนับสนุนโครงการเพราะคาดว่าจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม รวมทั้งสร้างรายได้เป็นจำนวนมาก
อย่างไรก็ตาม ณ ขณะนี้โครงการดังกล่าวยังเป็นเรื่องภายใน สปป.ลาว ยังไม่มีการเสนอถึงรัฐบาลไทยและเมียนมาแต่อย่างใด