ข้อแนะผู้ขับขี่รถในช่วงฝนตกหรือขับผ่านเส้นทางน้ำท่วมขังให้เพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยชะลอความเร็วเมื่อขับผ่านแอ่งน้ำหรือบนถนนเปียกลื่นเว้นระยะห่างจากรถคันหน้ามากกว่าปกติ ปรับระดับใบปัดน้ำฝนความแรงให้เหมาะกับปริมาณฝนที่ตก และให้สัญญาณไฟทุกครั้งก่อนเปลี่ยนช่องทาง เพื่อป้องกันการชนเฉี่ยว อีกทั้งลดความเร็วเมื่อต้องขับรถสวนทางกัน เพื่อไม่ให้น้ำสาดใส่รถอีกคันจนมองไม่เห็นทาง ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนรุนแรงได้
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ขอแนะวิธีการขับรถในช่วงฤดูฝนและผ่านเส้นทางน้ำท่วมขังอย่างปลอดภัย ดังนี้
- ผู้ขับขี่ไม่ควรขับรถเร็ว โดยใช้ความเร็วในระดับที่ควบคุมรถได้
- ควรเว้นระยะห่างจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติอย่างน้อย 10 -15 เมตร เพราะด้วยถนนที่เปียกลื่นจะทำให้ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถมากกว่าปกติ
- ไม่เปลี่ยนช่องทางกะทันหัน ควรเปิดสัญญาณไฟทุกครั้งที่เปลี่ยนเส้นทางล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 60 เมตร เพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากรถเฉี่ยวชนหรือชนท้าย
- ชะลอความเร็วเมื่อขับผ่านแอ่งน้ำ เพราะหากขับด้วยความเร็วสูงจะทำให้รถเสียการทรงตัว
- ลดความเร็วเมื่อต้องขับรถสวนทางกันเพื่อไม่ให้น้ำสาดใส่รถอีกคัน จนบดบังทัศนวิสัยในการมองเส้นทางได้
- ควรหมั่นสังเกตจุดที่มีน้ำท่วมขัง เนื่องจากรถอาจเหินน้ำและลื่นไถลได้
- กรณีเกิดเหตุฉุกเฉินให้ตั้งสติ ค่อยๆ ถอนคันเร่งและค่อยๆ เหยียบเบรก พร้อมจับพวงมาลัยให้มั่นและห้ามหักพวงมาลัยอย่างแรง จะช่วยป้องกันรถไถลออกนอกจากเส้นทางหรือพลิกคว่ำ
- ปรับระดับใบปัดน้ำฝนให้เหมาะสมกับปริมาณฝนที่ตก พร้อมเปิดไฟหน้ารถและไฟตัดหมอก หากฝนตกหนักจะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น ที่สำคัญ ไม่เปิดใช้ไฟกะพริบหรือไฟฉุกเฉิน อาจสร้างความเข้าใจผิดกับผู้ร่วมใช้เส้นทาง
- ทั้งนี้ การขับรถในช่วงฝนตกเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนมากกว่าปกติ หากเกิดฝนตกหนักในระดับที่การมองเห็นต่ำกว่า 10 – 15 เมตร ควรจอดพักข้างทางหรือบริเวณที่ปลอดภัย เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางในช่วงหน้าฝน
หากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุบัติภัย สามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ. รับแจ้งเหตุ 1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID 1784DDPM และสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง ///
ที่มา : กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย