อาคเนย์ประกันภัยเลิกกิจการ จากพันล้าน กลายเป็นศูนย์

ถ้าเราเป็นเจ้าของบริษัทประกันภัยที่ทำธุรกิจมา 76 ปีคนที่ซื้อประกันรายแรกของบริษัทเราคือ สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ 7 บริษัทมีกำไรสะสมเรื่อยมาจนมีทุนเกือบ 2,000 ล้านบาทสามารถรับประกันได้เบี้ยปีละ 10,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา

บริษัทนี้ออกประกันชนิดหนึ่ง โดยคำนวณจากอัตราส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งบริษัทก็คิดว่าน่าจะได้กำไรอยู่ไม่น้อยและประกันชนิดนี้ก็มีคนสนใจมากเป็นประวัติการณ์จึงทำให้บริษัทนี้ขายประกันแก่ประชาชนได้ทั้งหมด 1.8 ล้าน

คนถ้าคิดแบบง่าย ๆ ว่าค่าเบี้ยประกันกรมธรรม์ละ 500 บาทบริษัทนี้จะมีรายได้ 900 ล้านบาทเข้ามาทันที แต่ใครจะไปคิดว่า เรื่องนี้จะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปตลอดกาลทุกอย่างที่บริษัทนี้สะสมมา
หายไปในปีเดียวและมาวันนี้บริษัทนี้จะ “เลิกกิจการ”ประกันชนิดนี้ ผู้คนเรียกกันว่า “เจอ จ่าย จบ”แต่บริษัทที่จบในวันนี้คือ “อาคเนย์ประกันภัย”

เช้าวันที่ 26 มกราคม 2565 มีจดหมายของบริษัท เครือไทย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของอาคเนย์ประกันภัย แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ จดหมายมีความยาวประมาณ 4 หน้ากระดาษแต่ 4 หน้ากระดาษนี้กำลังจะเป็นข้อความปิดฉากของ บริษัทอาคเนย์ประกันภัย

โดยในจดหมายระบุว่าที่ผ่านมา จากปัญหาการกลายพันธุ์และการแพร่ระบาดระลอกใหม่ของโควิด 19 ได้ส่งผลกระทบต่อสถานะทางการเงิน และการดำรงอัตราส่วนความพอเพียงของเงินกองทุนของอาคเนย์ประกันภัยให้ลดต่ำลงกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนดในระยะเวลาอันใกล้นี้

ซึ่งถ้าบริษัทประกอบธุรกิจต่อไปแล้วบริษัทไม่มีเงินมาจ่าย จะส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง จึงจะขอเลิกกิจการตั้งแต่ตอนนี้จะดีกว่า โดยก่อนหน้านี้ อาคเนย์ประกันภัย มีเงินจากบริษัทของผู้ถือหุ้นใหญ่ (ซึ่งก็คือบริษัทของคุณเจริญ สิริวัฒนภักดี) มาเติมแล้ว ประมาณ 9,900 ล้านบาท
โดยการเติมเงินนี้เป็นการสนับสนุนแบบฟรี ๆ ให้บริษัท ในรูปแบบประกันภัยรับต่อ โดยอาคเนย์จะส่งความสูญเสียที่เกิดขึ้นไปเบิกเงินจากบริษัทไทยประกันภัย ที่เป็นของคุณเจริญอีกที นั่นหมายความว่า รายได้ที่ประมาณการไว้ว่า 900 ล้านบาท จริง ๆ แล้วมันมีความเสียหายไปแล้วกว่า 9,900 ล้านบาท คิดเป็นประมาณ 10 เท่าเลยทีเดียว

และที่ทุกคนยังเห็นอาคเนย์ประกันภัยยังอยู่ได้ เพราะมีคุณเจริญเติมเงินเข้ามาสนับสนุน ซึ่งถ้าเป็นผู้ถือหุ้นคนอื่นที่ไม่ได้เป็นเจ้าสัวแบบคุณเจริญ ก็คงปล่อยบริษัทล้มไปตั้งแต่แรก ๆ แต่มาคราวนี้ คุณเจริญคงบอกว่า ไม่อยากฝืนแล้ว เพราะต้องจ่ายอีกมากเหลือเกิน จบแค่นี้ดีกว่าซึ่งสิ่งที่บริษัทบอกว่าจะทำต่อไปก็คือ จะเลิกกิจการแบบไม่ให้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง นั่นก็คือส่งมอบกรมธรรม์ที่มีอยู่ทั้งหมด ทั้งที่เกี่ยวกับโควิด และไม่เกี่ยวกับโควิด ให้คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เป็นผู้มีอำนาจคืนเบี้ยให้กับผู้ทำประกัน หรือจัดหาผู้รับประกันรายใหม่แทน

โดยปัจจุบันมีผู้ถือกรมธรรม์ของอาคเนย์ประกันภัย แบ่งออกเป็น- ผู้ถือกรมธรรม์โควิด 19 จำนวน 1,851,921 ราย- ผู้ถือกรมธรรม์ที่ไม่เกี่ยวกับโควิด 19 จำนวน 8,629,036 ราย

สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไป น่าสนใจเพราะก่อนหน้านี้ คปภ. บอกกับทุกบริษัทประกันภัยว่าไม่ให้บริษัทประกันภัยคืนเบี้ย ต้องรับประกันต่อให้จบแต่ถ้าในอนาคต คปภ. เข้ามาจัดการกรมธรรม์ของอาคเนย์ ด้วยการคืนเบี้ยกับผู้ทำประกัน ก็เป็นที่น่าสังเกตว่า คปภ. จะกลืนน้ำลายตัวเองหรือไม่ ซึ่ง คปภ. คงไม่อยากเลือกทางเลือกนี้ส่วนทางเลือกที่ คปภ. จะหาผู้รับประกันรายอื่นมารับกรมธรรม์ต่อ ก็คงไม่มีบริษัทประกันภัยรายไหน อยากมารับในส่วนกรมธรรม์โควิด 19 เพราะจะมีภาระค่าใช้จ่ายหนักแน่ ๆซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า คปภ. จะจัดการกรมธรรม์ทั้งหมดของอาคเนย์ประกันภัยอย่างไรจะยังมีคดีความฟ้องร้องกันดุเดือดขนาดไหน
นอกจากนั้นเรื่องที่อาจจะไม่เหมือนข่าวลือในตอนแรกก็คือ คณะกรรมการมีมติไม่เห็นด้วยกับการโอนกิจการของอาคเนย์ประกันภัย ให้แก่ บริษัท อินทรประกันภัย จำกัด (มหาชน) เนื่องจากเห็นว่า มีการดำเนินการตามหลักเกณฑ์และแนวทางของกองทุนประกันวินาศภัยอยู่แล้วแล้วถ้าอาคเนย์ประกันภัยเลิกกิจการ ใครจะได้รับผลกระทบบ้าง ?

– กลุ่มแรกคือ ผู้ถือกรมธรรม์โควิด และไม่เกี่ยวกับโควิดทุกราย เป็นจำนวน “กว่า 10 ล้านราย”
– ต่อมาคือ คู่ค้าของอาคเนย์ประกันภัย เช่น อู่ซ่อมรถ โรงพยาบาล ตัวแทนนายหน้า 9,000 ราย ซึ่งจะได้รับการชำระเงินอย่างครบถ้วนหรือไม่ ต้องคอยติดตามกัน
– พนักงานอาคเนย์ประกันภัย 1,396 คน ซึ่งต้องคอยดูว่าจะได้รับการชดเชยอย่างไรซึ่งถ้าเราเป็นพนักงาน หรือเป็นคู่ค้าของอาคเนย์ประกันภัยสิ่งต่อไปที่เราต้องทำก็คือ “ควรติดตามอย่างใกล้ชิด” ว่าจะได้เงินที่บริษัทอาคเนย์ประกันภัยจะต้องจ่ายเราครบถ้วนหรือไม่ส่วนถ้าเราเป็นลูกค้าของอาคเนย์ประกันภัย ไม่ว่าจะเป็นการประกันที่เกี่ยวกับโควิด หรือไม่เกี่ยวกับโควิดสิ่งที่เราต้องรับรู้ไว้ก็คืออาคเนย์ประกันภัย จะไม่ได้เป็นผู้รับประกันเรา อีกต่อไปแล้ว..

ที่มา : ลงทุนแมน
https://www.longtunman.com/35609