เมื่อวันที่ 19 พ.ค.2565 พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3 บช.ปส.พ.ต.อ.กฤษดา ศรีอิสาณ ผกก.2 บก.ปส.3 สืบทราบ ว่าขบวนการค้ายาเสพติดจะขนยาเสพติดจำนวนมากมาจากชายแดนไทย-สปป.ลาว ด้าน อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ไปเก็บไว้พื้นที่ อ.พญาเม็งราย จ.เชียงราย จึงได้นำกำลังออกสกัดกั้นบนถนนสายเลี่ยงเมืองหรือบายพาสสายเชียงแสน-เชียงราย ต่อมากลางดึกเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบมีรถยนต์จำนวน 1 คัน เป็นกระบะ ยี่ห้ออีซูซุ สีฟ้า ทะเบียนเชียงใหม่ แบบมีหลังคาหลังขับไปตามถนนมุ่งหน้าจะไปทาง อ.เมืองเชียงราย โดยมีรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า สีเทา ทะเบียนพะเยา และรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อยามาฮ่า สีดำ ทะเบียนเชียงราย ขับนำทาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปส.จึงได้นำกำลังออกติดตามและไปสกัดรถทั้งหมดให้ลงไปที่ข้างทางบริเวณพื้นที่ข้าง ต.บ้านเหล่า อ.เวียงเชียงรุ้ง จ.เชียงราย ซึ่งเป็นเส้นทางผ่านระหว่าง อ.เชียงแสน จะไปทาง อ.เมืองเชียงราย จากการตรวจสอบปรากฎว่าพบรถคันแรกบรรทุกกระสอบฟางเอาไว้เต็มคันจนกระสอบอัดแน่นอยู่ที่ด้านหลังรถ เมื่อเปิดดูภายในกระสอบก็พบบรรจุยาเสพติดประเภทยาบ้ารวมจำนวนเบื้องต้นทั้งหมดประมาณ 8,800,000 เม็ด และยาเคตามีน ชนิดเกล็ดบรรจุในถุงพลาสติกน้ำหนักรวมประมาณ 50 กิโลกรัม เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวคนขับรถเอาไว้
ตรวจสอบทราบว่าคนขับรถที่ขนยาเสพติดชื่อว่านายอนันต์สิทธิ์ อายุ 21 ปี ชาว ต.แม่เปา อ.พญาเม็งราย ส่วนอีก 2 คนที่เหลือชื่อว่านายธเนศ อายุ 28 ปี ชาว ต.หนองหล่ม อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา และนายเซ้ง อายุ 31 ปี ชาว ต.แม่เปา อ.พญาเม็งราย ภายในตัวทั้งหมดพบมีโทรศัพท์มือถือที่ใช้ติดต่อกันรวม 3 เครื่อง
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบว่าของกลางทั้งหมดนำมาจากพื้นที่ ต.แม่เงิน อ.เชียงแสน ชายแดนไทย-สปป.ลาว ที่ติดกับแม่น้ำโขง จึงได้นำกำลังไปตรวจสอบ พร้อมตั้งข้อหาทั้ง 3 คนว่า ” ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และ จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า, ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและทำให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไป และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (เคตามีน) โดยไม่ได้รับอนุญาต และจำหน่ายวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 (เคตามีน) โดยการมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายอันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน ” จากนั้นนำตัวพร้อมของกลางไปขยายผลตรวจสอบที่บ้านและพื้นที่เป้าหมายตามกฎหมายต่อไป.