วันอังคารที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 ณ ห้องประชุมพญาพิภักดิ์ ชั้น 2 ศาลากลางจังหวัดเชียงราย นายภาสกร บุญญลักษม์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย เป็นประธานการประชุมการดำเนินการผลิตชุดเครื่องแต่งกายประจำจังหวัดเชียงราย โดยมีนางสุภาพรรณ หมั่นเจริญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย วัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย พร้อมหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนสมาคมสหพันธ์ท่องเที่ยวภาคเหนือจังหวัดเชียงราย กลุ่มพัฒนาสตรี ภาคเอกชน ภาคสถาบันการศึกษา กลุ่มภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านการทอผ้า และกลุ่มนักออกแบบ เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ เพื่อหารือและสรุปแนวทางในการผลิตชุดเครื่องแต่งกายประจำจังหวัดเชียงราย
ตามที่จังหวัดเชียงรายได้มีการดำเนินการออกแบบลวดลายผ้า และเครื่องแต่งกายจังหวัดเชียงราย ซึ่งให้ใช้ลายเชียงแสนหงส์ดำ เป็นลวดลายผ้าประจำจังหวัด และใช้สีม่วงเบอร์ 10 คือสีม่วงขาบ หรือสีม่วงบัวสาย เป็นสีของเครื่องแต่งกายประจำจังหวัดเชียงราย เพื่อนำไปออกแบบตัดเย็บชุดพิธีการ หรือชุดลำลองเพื่อใช้ในการปฏิบัติตามหน้าที่ และใช้ในงานพิธีต่างๆของจังหวัดเชียงราย โดยทีมศิลปินนักออกแบบและภูมิปัญญาท้องถิ่นด้านผ้า ได้ออกแบบลวดลายผ้าและเครื่องแต่งกายจังหวัดเชียงราย ที่สื่อถึงเอกลักษณ์ และอัตลักษณ์ของจังหวัด ด้วยรูปแบบที่มีเอกลักษณ์คตินิยมความเชื่อและขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรมของชาติพันธุ์ ที่อาศัยอยู่ในจังหวัดเชียงราย เพื่อสร้างสรรค์ให้มีความร่วมสมัย
โดยลายเชียงแสนหงส์ดำ เป็นลวดลายที่เก่าแก่ เป็นเอกลักษณ์ของซิ่นเชียงแสนโบราณ พบลักษณะร่วมของลวดลายดังกล่าวของภาพโบราณในพื้นที่ต่างๆของภาคเหนือในประเทศไทย และการใช้สีม่วงเป็นสีประจำจังหวัดเนื่องจากพญามังรายมหาราชได้สร้างเมืองเชียงรายตรงกับวันที่ 26 มกราคม 1805 ซึ่งตรงกับวันอังคาร ซึ่งชาวล้านนาใช้สีม่วงขาบเป็นสีประจำวันอังคาร ซึ่งทางศิลปินผู้ออกแบบได้ใช้กระบวนการจัดการทรัพยากรทางวัฒนธรรมของจังหวัดเชียงราย นำไปสู่การสร้างสรรค์ให้มีความทันสมัยบน พื้นฐานข้อมูลทางประวัติศาสตร์
ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย กล่าวว่า การออกแบบและการผลิตเครื่องแต่งการประจำจังหวัด เบื้องต้นได้ใช้โทนสีม่วงขาบ เป็นโทนสีหลัก ในการออกแบบและตัดเย็บ รวมถึงการชูอัตลักษณ์ เรื่องราว เรื่องเล่า ของลายเชียงแสนหงส์ดำ ที่นำมาใช้ในการตัดเย็บ เพื่อให้เกิดการสร้างมูลค่า และให้เกิดความภาคภูมิใจของความเป็นจังหวัดเชียงราย อีกทั้งสร้างการผสมผสานการใช้โทนสี และสัญลักษณ์ เข้าไปร่วมกับอัตลักษณ์ของชาติพันธ์อื่นๆ ทำให้เกิดความหลากหลายยิ่งขึ้น และในเบื้องต้นจะได้มีการผลิตผ้าโทนสีม่วงขาบ และชุดสำเร็จรูป ให้มีรูปแบบและราคาที่เข้าถึงได้ เพื่อให้ภาคส่วนต่างๆสามารถนำไปต่อยอด ดีไซน์ให้เป็นเอกลักษณ์ขององค์กร เพื่อใช้งานทั่วไป อีกทั้งจะได้รณรงค์ให้มีการใส่ผ้าไทย ผ้าพื้นเมืองของเชียงรายในเดือนเมษายน โดยประชาสัมพันธ์ให้ส่วนราชการได้นำร่องการสวมใส่ผ้าไทยผ้าพื้นเมือง และจะขยายไปสู่องค์กรและประชาชน ให้ครอบคลุมทั่วทั้งจังหวัดเชียงรายต่อไป